07 กรกฎาคม 2565
การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ได้ก่อให้เกิดความต้องการในการใช้งานคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซหลาย ๆ รายมียอดขายเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะผู้บริโภคจำนวนมากหันมาซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น ตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันไปจนถึงยารักษาโรค ผู้ประกอบการธุรกิจทั้งผู้ค้าและผู้ให้บริการโลจิสติกส์จึงจำเป็นต้องขยายพื้นที่คลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งในบางครั้ง การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้มักตามมาด้วยงบประมาณลงทุนก้อนโต จนอาจทำให้โอกาสในการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการบางรายถูกจำกัดไปโดยปริยาย แต่ในปัจจุบัน การลงทุนในเรื่องดังกล่าวนั้นมีทางเลือกมากขึ้น หากผู้ประกอบการเปลี่ยนมุมมองจากการเป็น “เจ้าของทั้งหมด” มาเป็น “เจ้าของร่วม” ก็จะทำให้ท่านสามารถลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพดีได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว เช่นเดียวกับการลงทุนในคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit ที่เรากำลังจะกล่าวถึงในวันนี้
คลังสินค้าแบบ Built-to-Suit คือ รูปแบบการพัฒนาคลังสินค้าหรือโกดังสินค้าที่สร้างตามความต้องการของผู้เช่า โดยการตกลงทำสัญญากับผู้เช่าก่อนที่จะเริ่มก่อสร้าง ซึ่งข้อดีคือคลังสินค้าประเภทนี้จะได้รับการออกแบบและก่อสร้างตามแบบที่ผู้เช่าต้องการแทบจะ 100% จึงสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เช่าได้อย่างเฉพาะเจาะจง อาทิ คลังสินค้าแบบอุณหภูมิปกติ (Ambient Storage) คลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Temperature Controlled Storage) คลังสินค้าแบบห้องเย็น (Cold Storage) คลังสินค้าแบบแช่แข็ง (Frozen Storage) ฯลฯ โดยมีจุดประสงค์เพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้าแต่ละประเภท ทำให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่าสินค้าที่จัดเก็บอยู่ในอาคารจะมีคุณภาพที่ดีอยู่เสมอ อีกทั้งช่วยให้สามารถจัดการกับความต้องการโลจิสติกส์ได้อย่างลงตัว พร้อมสำหรับการขยายธุรกิจได้อย่างไม่มีสะดุด
ในปี 2564 ยอดขายอีคอมเมิร์ซในสหรัฐอเมริกาเติบโตขึ้นถึง 50% หรือราว 8.7 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนในไทยเอง หากดูจากปี 2563 ที่ผ่านมา ยอดขายสินค้าออนไลน์ในไทยมีมูลค่าราว 3 แสนล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 80% เมื่อเทียบกับปี 2562 และมีการคาดการณ์ว่ามูลค่ายอดขายดังกล่าวจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 7.5 แสนล้านบาทในปี 2568 นี่คือเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ความต้องการใช้งานคลังสินค้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าเมื่อมีคำสั่งซื้อออนไลน์มากขึ้น การจัดการคลังสินค้าและซัพพลายเชนก็จะต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ทุกธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวและเอาชนะความท้าทายด้านซัพพลายเชนให้ได้ และแม้ในปัจจุบันจะมีคลังสินค้าสำเร็จรูป (Ready-Built) ให้เลือกเช่ามากมาย แต่คลังสินค้าแบบ Built-to-Suit นั้นกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากสามารถออกแบบและพัฒนาให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของผู้เช่า ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการมีคลังสินค้า Built-to-Suit ที่เหมาะสมในทำเลที่ได้เปรียบที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตในอนาคต
จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการพัฒนาที่ดิน โรงงาน โกดัง อาคารคลังสินค้ามาแล้วทั่วโลก บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด ยินดีส่งมอบสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านโลจิสติกส์ให้แก่ท่านผู้ประกอบการทุกท่าน ทั้งในด้านสถานที่และการออกแบบที่ตรงกับลักษณะการดำเนินงานและการขยายตัวทางธุรกิจทุกประเภทด้วยนวัตกรรมคุณภาพระดับโลกใหม่ล่าสุดที่เรานำมาประยุกต์ใช้กับคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit ของเรา ทำให้ท่านมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานอย่างสูงสุดด้วยบริการให้เช่าโกดัง Built-to-Suit ให้เช่าคลังสินค้า Built-to-Suit เพื่อรองรับความต้องการของทุกกลุ่มอุตสาหกรรมในทำเลยุทธศาสตร์ โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าคุณภาพสูงด้วยการสร้างโกดัง คลังสินค้าตามความต้องการของลูกค้า ทำงานร่วมกับท่านอย่างใกล้ชิดเพื่อทำความเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของธุรกิจ ทั้งในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานการก่อสร้าง รวมถึงที่ตั้งของคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า เพื่อให้ท่านมีต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่ต่ำที่สุด นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมวางแผนโดยการจัดเตรียมที่ดินและออกแบบโดยรวมไว้เพื่อรองรับการขยายงานของท่านในอนาคตอีกด้วย
Shared
View more in blog